ข้าวฮางเป็นกรรมวิธีการเก็บถนอมรักษาข้าวเต็มเมล็ดไว้กินได้นานๆ ของชาวชนเผ่าภูไท
จังหวัดสกลนคร นับเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สำคัญ นอกจากจะได้ข้าวที่มีคุณสมบัติดี
มีสารอาหารสูงมากแล้ว ยังเป็นข้าวที่เก็บไว้กินได้นาน ชาวภูไทนำโดยท้าวผาอินอพยพมาจากเมืองเก่าทางฝั่งซ้ายของลำแม่น้ำโขงประมาณ
200 ปีผ่านมาแล้ว เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่บริเวณอำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร
ท่านมีลูกหลานหลายคน เลี้ยงวัว ทำไร่ ไถนา
เมื่อเกิดวิกฤตข้าวไม่พอรับประทานยังเหลือเวลานานกว่าจะถึงฤดูเก็บเกี่ยว
จึงได้เก็บข้าวที่ใกล้จะสุก เริ่มจะออกเหลืองอ่อนๆ
นำมาผ่านกรรมวิธีตามภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเฉพาะการทำให้สุกโดยการนึ่ง
เตาที่ใช้นึ่งจะขุดดินทำเป็นร่องหรือราง (ฮาง) เพื่อเป็นที่ใส่ฟืน
ทำเป็นปากปล่องสำหรับให้เปลวไฟขึ้น และทำเป็นร่องดินสำหรับตั้งหมอนึ่ง
ภาษาอีสานเรียกว่า “เตาฮาง” ดังนั้นข้าวฮางจึงเป็นชื่อเรียกตามลักษณะนามของเตาที่ใช้นึ่งข้าว
การทำข้าวฮางของบรรพบุรุษของชนเผ่าผู้ไทจะแช่ข้าวเปลือกให้นิ่ม แล้วนำมานึ่งให้สุก
นำไปตากแดดให้แห้งเพื่อจะเก็บไว้รับประทานได้นาน เป็นการป้องกันมด
มอดที่จะมากันกินเมล็ดข้าว และเป็นการแก้ไขปัญญาข้าวไม่พอกินก่อนถึงฤดูเก็บเกี่ยว
คุณสุขสวรรค์ พละบารมีธรรมช์ ประธานกลุ่ม |
คุณสุขสวรรค์ พละบารมีธรรมช์ หรืออาจารย์ตุ๊ก เป็นคนบ้านโนนกุงตั้งแต่กำเนิดมีเชื้อสายภูไท
ได้ทำการศึกษาข้อมูลและสอบถามวิธีการทำข้าวฮางจากคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านโนนกุงและใกล้เคียง
จึงชวนชาวบ้านที่ว่างงานและสนใจมารวมกลุ่มกันทำข้าวฮางขั้น ตอนแรกมีสมาชิก 5
คน เริ่มทดลองในต้นปี 2550 ใช้พื้นที่บริเวณบ้านของอาจารย์ตุ๊กเป็นที่ผลิต
ภายในกลุ่มได้รวมเงินกันซื้ออุปกรณ์ในการผลิตประมาณ 300,000 บาท
ได้ลงมือทำตามคำแนะนำ ตอนแรกทำอย่างเดียว คือ ข้าวฮางงอกข้าวเหนียว โดยทำไว้กินเอง
แจกจ่ายให้กับชาวบ้าน และจำหน่าย ต่อมาผู้บริโภคต้องการข้าวที่หลากหลายมากขึ้น
ทางกลุ่มจึงทดลองข้าวเหนียวดำโดยซื้อมาจากชาวบ้านในพื้นที่มาทดลองทำ
ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก อาจารย์ตุ๊กมีความคิดที่จะตั้งเป็นกลุ่มวิสากิจชุมชนขึ้น
จึงได้ทำเรื่องขอกับสำนักงานเกษตรอำเภอโพนนาแก้ว แต่ตอนนั้นทางรัฐยังไม่เห็นความเป็นรูปธรรมของกลุ่มว่าจะไปรอดหรือไม่
เพราะพึ่งทำได้ไม่ถึงปีเลยยังไม่อนุมัติให้จัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจได้
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนให้ได้ สมาชิกทุกคนจึงได้ร่วมกันพัฒนาในทุก
ๆ ด้าน เช่น สถานที่ อุปกรณ์เครื่องจักร ขั้นตอนการผลิต การรักษาความสะอาด
กฏระเบียบ เป็นต้น และได้รับการอนุมัติในเวลาต่อมา จดทะเบียนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนชื่อ
วิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตข้าวฮางงอกหอมสกลทวาปี บ้านโนนกุง (NG SAKON TAWAPEE
GABARICE MANAPACTURER COMMUON CNTERPRISE) ที่ตั้งเลขที่ 151
หมู่ที่ 3 ต.เชืองสือ อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร รหัสไปรษณีย์ 47230 โทรศัพท์
0-8560-7450 รหัสทะเบียน 4-47-17-05/1-0011 จดทะเบียนวันที่ 13 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2552 ที่สำนักงานเกษตรอำเภอโพนนาแก้ว
จังหวัดสกลนคร โดยมีคุณสุขสวรรค์ พละบารมีธรรมช์ เป็นประธานกลุ่ม
(ภาพประกอบหน้าที่ 25) ต่อมาอาจารย์ตุ๊กต้องการคนมาช่วยงานเพิ่มจึงชักชวนคนในหมู่บ้านและผู้ที่สนใจมาเข้าร่วมกลุ่ม
ทำให้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นรวมทั้งหมดจำนวน 20 คน และได้ตั้งกลุ่มผู้ปลูกข้าวปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน
300 คน กลุ่มวิสาหกิจจะเป็นคนรับซื้อข้าวเปลือกโดยให้ราคาที่สูงกว่าโรงสีทั่ว
ๆ ไป
หนังสือรับรองเป็นวิสาหกิจชุมชน |
ทางหน่วยงานเกษตรอำเภอเล็งเห็นถึงความสำคัญในการปลูกข้าวให้หลากหลายสายพันธ์จึงเข้ามาช่วยส่งเสริมและให้ความรู้ในการปลูกให้กับสมาชิกโดยทดลองปลูก
2 สายพันธุ์คือข้าวหอมมะลิแดง และข้าวหอมนิล จำนวน 100
ไร่ และเริ่มขยายจนถึง 3 หมู่บ้าน จนปัจจุบัน
มีพื้นที่ปลูก จำนวน 500 ไร่ และมีพันธ์ข้าวที่ปลูกทั้งหมด 6
ชนิด คือ ข้าวจ้าว ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมนิล ข้าวหอมมะลิแดง
ข้าวเหนียวดำ และข้าวเหนียว กข6
ต่อมากลุ่มวิสาหกิจชุมชน
ฯ ได้จดทะเบียนพาณิชย์ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2554 ชื่อที่ใช้ในการประกอบพาณิชย์
เอ แอนด์ พี ข้าวเพื่อชีวิต ในนามของ นางพรสวรรค์ พูนทองอินทร์
ชนิดรับซื้อข้าวเปลือก ผลิต จำหน่วย และแปรรูปข้าวเพื่อสุขภาพเป็นข้าวฮางงอก
ข้าวฮางงอกบด โจ๊กข้าวฮางงอก ข้าวฮางงอกกรอบปรุงรส (ภาพประกอบหน้าที่ 25) ทำให้สมาชิกและชาวบ้านโนนกุงทุกคน
มีความภาคภูมิใจกับบรรพบุรุษที่คิดค้นวิธีทำข้าวฮางรักษาและสืบทอดมาถึงรุ่นปัจจุบัน
ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ฯ
จะตั้งใจผลิตและพัฒนาต่อยอดให้ข้าวฮางมีชื่อเสียงระดับโลกให้ได้
หนังสือจดทะเบียนพาณิชย์ |
รับประทานข้าวฮางงอกให้เป็นยา ดีกว่าเสียเงินซื้ออาหารเสริมแพงๆ
ตอบลบ